คำถามที่ปรึกษาบ่อย

ถาม: วัตถุประสงค์ของ FQA คืออะไร?

ตอบ: FQA มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ลูกความสามารถตั้งคำถามและได้รับคำตอบอย่างมีประสิทธิภาพผ่านแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน

ถาม: มีระยะเวลาในการตอบคำถามหรือไม่?

ตอบ: โดยทั่วไป เราจะตอบคำถามภายในระยะเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมง

ถาม: ฉันสามารถส่งคำถามได้อย่างไร?

ตอบ: คุณสามารถส่งคำถามของคุณผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ที่มีให้ในหน้าหลักของ FQA

ถาม: ฉันสามารถแก้ไขคำถามของฉันได้หรือไม่?

ตอบ: ได้ คุณสามารถแก้ไขคำถามที่ส่งไปแล้วได้ก่อนที่เราจะทำการตอบกลับ

ถาม: ฉันสามารถส่งคำถามได้อย่างไร?

ตอบ: คุณสามารถส่งคำถามของคุณผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ที่มีอยู่ในหน้าของ FQA ได้โดยตรง

ถาม: ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายและคดีความหลายเรื่องต้องปรึกษาที่ไหน?

ตอบ: ปรึกษาทนายจอยได้เลยคะ ไม่ต้องเดินทางไปปรึกษาทนายที่ไหน ปรึกษาทางออนไลน์หรือโทรหาทนายจอยก่อนได้เลย

คดีแรงงาน เกี่ยวกับ การเลิกจ้าง

ถาม: นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่บอกล่วงหน้าถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่?

ตอบ: ถ้าไม่มีเหตุอันสมควร นายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง มิฉะนั้นต้องจ่ายค่าแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

ถาม: ลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม มีสิทธิเรียกร้องอะไร?

ตอบ: ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานเพื่อขอให้สั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงาน หรือเรียกค่าชดเชยจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
ถาม: การทำงานล่วงเวลา นายจ้างต้องจ่ายอย่างไร?

ตอบ: การทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง และนายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างปกติ

ถาม: ลูกจ้างรายวันหยุดรักษาตัวจากอุบัติเหตุในงาน ยังได้ค่าจ้างหรือไม่?

ตอบ: ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างในช่วงลาป่วยไม่เกิน 30 วันทำงานต่อปี หากเกินจากนั้นได้รับสิทธิเงินทดแทนจากประกันสังคมแทน

ถาม: เมื่อลูกจ้างทำงานครบกำหนดแล้วลาออก มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่?

ตอบ: การลาออกโดยสมัครใจ ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย แต่หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม หรือลดตำแหน่งโดยไม่สมควร ลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมาย

ถาม: ลูกจ้างทำงานครบปี มีสิทธิวันลาพักผ่อนประจำปีหรือไม่?

ตอบ: ตามกฎหมายแรงงาน เมื่อลูกจ้างทำงานครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับวันลาพักผ่อนประจำปีอย่างน้อย 6 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน นายจ้างสามารถกำหนดวันหยุดพักผ่อนเพิ่มเติมได้ตามสัญญาจ้างหรือข้อตกลงภายใน และหากยังไม่ได้ใช้วันลาพักผ่อน สามารถตกลงเลื่อนไปใช้ในปีถัดไปได้

คดีแรงงาน เกี่ยวกับสิทธิของลูกจ้าง

ถาม: ถ้าไม่ได้รับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา หรือโบนัส จะทำอย่างไร?

ตอบ: สามารถร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน หรือฟ้องศาลแรงงานเพื่อบังคับให้นายจ้างจ่ายได้

ถาม: ลูกจ้างมีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างตามกฎหมาย?

ตอบ: มีสิทธิได้รับค่าจ้างตรงเวลา วันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ลาป่วย ลาคลอด และสวัสดิการตามกฎหมาย เช่น ประกันสังคมและเงินทดแทน

ถาม: ถูกนายจ้างบังคับทำงานเกินเวลาโดยไม่จ่ายค่าล่วงเวลา ทำได้หรือไม่?

ตอบ: ไม่ได้ กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลา และลูกจ้างมีสิทธิฟ้องร้องหากไม่ได้รับสิทธิ

ถาม: ถูกนายจ้างบังคับทำงานเกินเวลาโดยไม่จ่ายค่าล่วงเวลา ทำได้หรือไม่?

ตอบ: ไม่ได้ กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลา และลูกจ้างมีสิทธิฟ้องร้องหากไม่ได้รับสิทธิ

ถาม: คดีแรงงานต้องฟ้องศาลไหน?

ตอบ: ต้องฟ้องที่ศาลแรงงานกลาง หรือศาลแรงงานภาคที่มีเขตอำนาจตามสถานที่ทำงาน

ถาม: ต้องมีทนายหรือไม่เมื่อต้องไปศาลแรงงาน?

ตอบ: ไม่จำเป็น ลูกจ้างสามารถไปดำเนินคดีเองได้ แต่หากมีทนายช่วยก็จะทำให้คดีมีความชัดเจนและมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น

คดีหย่า

ถาม: หย่ากันต้องทำอย่างไร?

ตอบ: หากคู่สมรสยินยอมทั้งสองฝ่าย สามารถไปหย่าที่สำนักงานเขต/อำเภอได้ทันที แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม ต้องฟ้องหย่าต่อศาลเพื่อขอคำพิพากษา

ถาม: ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส ใครมีสิทธิในบุตร?

ตอบ: มารดามีสิทธิอำนาจปกครองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบิดาต้องฟ้องรับรองบุตรหรือจดทะเบียนบุตรก่อน จึงจะมีสิทธิเท่าเทียม

ถาม: หย่าโดยยินยอมกับหย่าโดยศาลต่างกันอย่างไร?

ตอบ: หากคู่สมรสยินยอมทั้งสองฝ่าย สามารถไปหย่าที่สำนักงานเขต/อำเภอได้ทันที แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม ต้องฟ้องหย่าต่อศาลเพื่อขอคำพิพากษา

ถาม: ค่าเลี้ยงดูต้องจ่ายเท่าไร?

ตอบ: ไม่มีเกณฑ์ตายตัว ศาลจะพิจารณาตามความสามารถของผู้จ่ายและความจำเป็นของบุตร

ถาม: หลังหย่าใครจะได้สิทธิเลี้ยงดูบุตร?

ตอบ: ศาลจะพิจารณาจากประโยชน์สูงสุดของบุตร เช่น ความพร้อมด้านเศรษฐกิจ จิตใจ และสิ่งแวดล้อมของผู้ปกครอง

ถาม: ถ้าอีกฝ่ายไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูทำอย่างไร?

ตอบ: สามารถยื่นคำร้องบังคับคดีต่อศาลได้ เช่น อายัดเงินเดือนหรือยึดทรัพย์

ถาม: ทรัพย์สินที่ซื้อระหว่างสมรสถือเป็นของใคร?

ตอบ: โดยหลักถือเป็นสินสมรส เว้นแต่ทรัพย์ที่ได้มาก่อนสมรสหรือเป็นมรดก/ของขวัญส่วนตัว

ถาม: หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสใครต้องรับผิด?

ตอบ: ถ้าเป็นหนี้เพื่อครอบครัวหรือกิจการร่วมกัน ถือเป็นหนี้สินสมรส ต้องรับผิดทั้งคู่

ถาม: คำพิพากษาหย่าของต่างประเทศใช้ในไทยได้หรือไม่?

ตอบ: ได้ หากมีการจดทะเบียนสมรสที่ไทย หรือสมรสต่างประเทศแล้วจดทะเบียนรับรองที่ไทย

ถาม: คำพิพากษาหย่าของต่างประเทศใช้ในไทยได้หรือไม่?

ตอบ: ต้องนำมาขอรับรองหรือฟ้องศาลไทยให้รับรองก่อน จึงจะมีผลบังคับในประเทศไทย

คดีล้มละลาย

ถาม: ลูกหนี้แบบไหนที่เจ้าหนี้สามารถฟ้องล้มละลายได้?

ตอบ: ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ต้องมีหนี้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ถึงกำหนดชำระแล้ว ส่วนหนี้ของนิติบุคคล ต้องไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท

ถาม: ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีล้มละลายคือศาลใด?

ตอบ: ต้องยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางหรือศาลล้มละลายภาคที่มีเขตอำนาจ

ถาม: ถ้าศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ผลทางกฎหมายคืออะไร?

ตอบ: ลูกหนี้จะถูกจำกัดสิทธิ เช่น ไม่สามารถเป็นกรรมการบริษัท ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้โดยไม่ได้รับอนุญาต และต้องส่งมอบทรัพย์สินให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดการ

ถาม: ถ้าศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ผลทางกฎหมายคืออะไร?

ตอบ: ลูกหนี้จะถูกจำกัดสิทธิ เช่น ไม่สามารถเป็นกรรมการบริษัท ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้โดยไม่ได้รับอนุญาต และต้องส่งมอบทรัพย์สินให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดการ

ถาม: บริษัทที่มีหนี้สินจำนวนมากและเสี่ยงล้มละลาย จะสามารถยื่นฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่?

คำตอบ: สามารถยื่นได้ หากบริษัทมีหนี้สินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท (สำหรับบริษัทจำกัดหรือมหาชน) และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ศาลจะพิจารณาว่ากิจการยังมีศักยภาพในการดำเนินต่อและสามารถจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อชำระหนี้ในอนาคต หากเข้าเงื่อนไข ศาลจะมีคำสั่งรับคำร้องและแต่งตั้งผู้ทำแผนต่อไป

ถาม: เมื่อศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการแล้ว เจ้าหนี้ยังสามารถยึดทรัพย์หรือฟ้องคดีได้หรือไม่?

ตอบ: เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูแล้ว เจ้าหนี้ทุกรายจะถูกระงับสิทธิในการฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ หรือบังคับคดีต่อทรัพย์สินของลูกหนี้ เว้นแต่เป็นการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูที่ศาลอนุมัติ หรือเป็นหนี้ที่กฎหมายยกเว้น เช่น ค่าเลี้ยงชีพ หรือค่าเสียหายจากละเมิดบางประเภท เพื่อให้โอกาสลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นกิจการ

คดีล้มละลาย

ถาม: ลูกหนี้สามารถยื่นฟื้นฟูกิจการแทนการล้มละลายได้หรือไม่?
ตอบ: ได้ หากเป็นหนี้ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สามารถยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายได้ ศาลจะพิจารณาแผนการฟื้นฟูเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อ
ถาม: เจ้าหนี้จะคัดค้านการฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่?

ตอบ: ได้ เจ้าหนี้สามารถยื่นคำคัดค้านต่อศาลได้ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

ถาม: เจ้าหนี้มีสิทธิจัดการทรัพย์ลูกหนี้เองหรือไม่?

ตอบ: ไม่มี ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการทรัพย์สินและจำหน่ายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้

ถาม: ถ้าเป็นเจ้าหนี้ต้องทำอย่างไรเพื่อเรียกร้องหนี้ในการล้มละลาย?

ตอบ: ได้ เจ้าหนี้สามารถยื่นคำคัดค้านต่อศาลได้ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

ถาม: ลูกหนี้จะพ้นจากการล้มละลายเมื่อใด?

ตอบ: โดยทั่วไป ลูกหนี้จะพ้นจากล้มละลายภายใน 3 ปีนับแต่ศาลมีคำพิพากษา แต่หากมีการกระทำทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย อาจถูกขยายเวลาออกไปเป็น 5–10 ปี

ถาม: หลังพ้นล้มละลายแล้วจะกลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติหรือไม่?

ตอบ: ได้ สามารถกลับมาประกอบกิจการหรือดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทได้อีกครั้ง แต่เครดิตทางธุรกิจอาจยังได้รับผลกระทบ

คดีนิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (โครงสร้างและบทบาทของนิติบุคคลอาคารชุด)

นิติบุคคลอาคารชุดคืออะไร?

ตอบ: คือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายหลังโครงการแล้วเสร็จ มีหน้าที่บริหารและดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด เช่น ลิฟต์ สวน พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของเจ้าของร่วมทุกคน

กองทุนสำรอง (Sinking Fund) คืออะไร?

ตอบ: เป็นเงินกองกลางที่เจ้าของร่วมต้องจ่ายครั้งเดียวตอนรับโอนห้องชุด เพื่อใช้ซ่อมแซมหรือปรับปรุงทรัพย์สินส่วนกลางในระยะยาว เช่น ลิฟต์ ระบบไฟฟ้า หลังคา ฯลฯ

ใครเป็นผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุด?

ตอบ: โดยทั่วไปคือ “คณะกรรมการนิติบุคคล” ซึ่งมาจากการเลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่ และ “ผู้จัดการนิติบุคคล” ที่อาจจ้างจากบริษัทบริหารทรัพย์สินหรือบุคคลธรรมดามาบริหารจัดการงานประจำวัน

การจัดตั้งนิติบุคคลทำเมื่อใด?

ตอบ: จะจัดตั้งหลังจากโครงการสร้างเสร็จ และมีการโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดให้กับเจ้าของร่วม โดยมีการจดทะเบียนกับกรมที่ดินอย่างเป็นทางการ

หน้าที่หลักของนิติบุคคลอาคารชุดมีอะไรบ้าง?

ตอบ: จัดการดูแลส่วนกลาง เก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลาง จัดประชุมเจ้าของร่วม ออกกฎระเบียบภายใน และดูแลความเรียบร้อยของโครงการตามที่กฎหมายกำหนด

นิติบุคคลมีสิทธิและหน้าที่อะไรตามกฎหมาย?

ตอบ: มีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย สามารถครอบครองทรัพย์สิน ทำสัญญา ฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีแทนเจ้าของร่วมได้ มีอำนาจตามกฎหมายในการจัดการอาคารชุด

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (การจัดตั้ง การเลือกผู้จัดการ และแนวทางแก้ปัญหาทั่วไป)

ผู้พัฒนาโครงการ (Developer) และนิติบุคคลเริ่มแรกเกี่ยวข้องกันอย่างไร?

ตอบ: หลังจากโครงการโอนกรรมสิทธิ์ยูนิตแรกให้ลูกบ้าน ผู้พัฒนามีหน้าที่จัดหาผู้นิติบุคคลและจัดประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วมภายใน 180 วัน (6 เดือน) เพื่อถ่ายโอนอำนาจและทรัพย์สินส่วนกลางจากผู้พัฒนาไปยังเจ้าของร่วมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ถ้านิติบุคคลไม่จัดประชุมใหญ่ ไม่แถลงงบ และมีปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยงสร้างความรำคาญ เจ้าของร่วมทำยังไงได้บ้าง?

ตอบ: เจ้าของร่วมสามารถขอให้มีการจัดประชุมใหญ่ หรือรวมตัวเรียกร้องให้จัดการประชุมได้ตามข้อบังคับ หากยังถูกเพิกเฉย สามารถใช้สิทธิ์เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องทางแพ่งได้ว่าเป็นการละเมิด พ.ร.บ. อาคารชุด มาตรา 32, 33, 36 และ 42 ที่เกี่ยวกับการบริหารงานและสิทธิของเจ้าของร่วม

ถ้าผู้พัฒนาไม่โปร่งใส หรือไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนกลางให้เจ้าของร่วมทราบ ควรทำอย่างไร?

ตอบ: กรณีนี้ควรเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูล เช่น งบการเงิน รายการทรัพย์สินส่วนกลางที่โอนไป โดยอาจต่อว่าต่อศาลเพื่อบังคับให้ผู้พัฒนาเปิดเผยข้อมูล และหากยังไม่มีความชัดเจน อาจต้องใช้มาตรการตามข้อบังคับหรือเรื่องทางกฎหมายเพิ่มเติม

ถ้านิติบุคคลเรียกเก็บเงินพิเศษโดยไม่ผ่านมติที่ประชุมใหญ่ จะถูกมองว่าไม่ชอบหรือไม่?

ตอบ: ตามกฎหมาย หากเรียกเก็บเงินพิเศษต้องระบุวาระให้ถูกต้อง เช่น ใช้มาตรา 40 (3) พ.ร.บ. อาคารชุด ซึ่งต้องผ่านมติที่ประชุมใหญ่และอธิบายเหตุความจำเป็นที่ชัดเจน หากใช้อำนาจนี้โดยไม่ชอบ อาจส่งผลให้เกิดข้อพิพาทระยะยาว และอาจถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการเก็บเงินนั้น

จะเปลี่ยนผู้จัดการ (Juristic Manager) ได้อย่างไรถ้าไม่พอใจการบริหาร?

ตอบ: เจ้าของร่วมสามารถเสนอเรื่องในการประชุมใหญ่เพื่อเปลี่ยนผู้จัดการ หากเสียงเจ้าของร่วมในการประชุมเห็นด้วย (ตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ เช่น 50%) ก็เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนผู้จัดการใหม่ หรือจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติมตามมาตราใน พ.ร.บ. อาคารชุด

ก่อนซื้อคอนโด ควรถามนิติบุคคลอะไรเพื่อเช็กความแข็งแรงในการบริหาร?

ตอบ: ควรขอ “งบการเงินของนิติบุคคล” “ค่า CAM และกองทุนสำรองประจำปี” “รายงานประชุมใหญ่ล่าสุด” และ “จำนวนเจ้าของร่วมที่ค้างชำระ” หรือ “รายชื่อผู้จัดการ” เพื่อประเมินภาพรวมการบริหารว่านิติฯ มีความเป็นระเบียบ โปร่งใส และมีศักยภาพในการดูแลอาคารหรือไม่

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (การประชุมและการตัดสินใจของนิติบุคคล)

ใครสามารถเรียกประชุมใหญ่นิติบุคคลได้บ้าง?

ตอบ: โดยปกติ “คณะกรรมการนิติบุคคล” มีหน้าที่เรียกประชุมใหญ่ปีละครั้ง แต่ถ้าเจ้าของร่วมรวมกันได้เสียงไม่น้อยกว่า 20% ของคะแนนเสียงทั้งหมด ก็สามารถยื่นเรื่องขอให้มีการประชุมใหญ่ได้ หากไม่จัดภายใน 15 วัน กลุ่มเจ้าของร่วมมีสิทธิเรียกประชุมเองตามกฎหมาย

สามารถมอบฉันทะให้ผู้อื่นโหวตแทนได้หรือไม่?

ตอบ: สามารถทำได้โดยทำ “หนังสือมอบฉันทะ” เป็นลายลักษณ์อักษร ผู้รับมอบสามารถถือฉันทะได้ไม่เกิน 3 ห้องชุด และห้ามบุคคลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น ผู้จัดการนิติฯ หรือพนักงาน เข้าร่วมเป็นผู้รับมอบฉันทะ

การประชุมใหญ่ต้องมีองค์ประชุมเท่าใดจึงจะเริ่มประชุมได้?

ตอบ: ต้องมีเจ้าของร่วมเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของคะแนนเสียงทั้งหมด (ตามขนาดพื้นที่ห้องชุด) จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม หากไม่ครบต้องจัดประชุมใหม่ภายใน 15 วัน โดยครั้งที่สองไม่ต้องมีองค์ประชุมก็สามารถดำเนินการได้ตามวาระที่กำหนดไว้

ใครสามารถเป็นประธานที่ประชุมใหญ่ได้บ้าง?

ตอบ: โดยทั่วไปจะเลือกจากผู้เข้าร่วมประชุมในวันนั้น แต่ผู้จัดการนิติบุคคล และคู่สมรสของผู้จัดการ ไม่มีสิทธิ เป็นประธานในการประชุมตามกฎหมาย เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

การโหวตในที่ประชุมใหญ่ใช้คะแนนเสียงเท่าใด?

ตอบ: ขึ้นอยู่กับเรื่องที่พิจารณา:

  • เรื่องทั่วไป ใช้เสียงข้างมากจากผู้เข้าประชุม

  • เรื่องสำคัญ เช่น แก้กฎ เปลี่ยนแปลงทรัพย์สิน หรือปลดผู้จัดการ ใช้คะแนนเสียงตั้งแต่ 1/4 ถึง 3/4 ของคะแนนเสียงรวมทั้งโครงการตามที่กฎหมายกำหนด

ถ้าประชุมใหญ่ครั้งแรกไม่ครบองค์ประชุม จะทำอย่างไร?

ตอบ:
กรรมการต้องเรียกประชุมใหม่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ประชุมล้มเหลว และในการประชุมใหม่นั้นสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องครบองค์ประชุม แต่ต้องเป็นวาระเดิมที่ประกาศไว้เท่านั้น

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (ค่าบำรุง กฎระเบียบ และสิทธิของเจ้าของร่วม)

ค่าบำรุงส่วนกลางคิดอย่างไร?

ตอบ: คิดตามขนาดพื้นที่ของแต่ละห้องชุด โดยมีหน่วยเป็น “บาทต่อตารางเมตร” และอัตราค่าบำรุงจะถูกกำหนดไว้ในข้อบังคับของอาคารชุด ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเป็นรายเดือนหรือรายปี

ถ้ามีผู้ละเมิดกฎของคอนโดจะทำอย่างไร?

ตอบ: นิติบุคคลสามารถออก “หนังสือเตือน” และเรียกเก็บ “ค่าปรับ” ตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับ หรือบางกรณีอาจมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น ตัดสิทธิ์การใช้พื้นที่ส่วนกลาง หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย

จะปรับเพิ่มค่าบำรุงหรือเงินกองทุนสำรองได้อย่างไร?

ตอบ: ต้องผ่านมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม โดยต้องได้เสียงเห็นชอบไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของคะแนนเสียงทั้งหมด และต้องดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกับสำนักงานที่ดิน

เจ้าของร่วมสามารถขอดูบัญชีหรือรายงานทางการเงินได้หรือไม่?

ตอบ: สามารถขอได้ โดยเฉพาะในที่ประชุมใหญ่ซึ่งต้องมีการนำเสนองบการเงิน ตรวจสอบบัญชี รายรับรายจ่ายประจำปี และหากเจ้าของร่วมต้องการตรวจสอบเพิ่มเติมสามารถยื่นคำร้องต่อนิติฯ ได้ตามสิทธิ์ที่กฎหมายให้ไว้

กฎระเบียบของคอนโดสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่?

ตอบ: เปลี่ยนได้ แต่ต้องผ่านมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม และต้องได้เสียงสนับสนุนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามใช้เสียงดัง เป็นต้น โดยต้องจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับกับสำนักงานที่ดินเช่นกัน

ทรัพย์สินส่วนใดถือเป็นส่วนกลาง และส่วนใดเป็นของส่วนตัว?

ตอบ:

  • ทรัพย์สินส่วนกลาง: ทางเดิน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ ระบบไฟฟ้า โครงสร้างอาคาร ฯลฯ

  • ทรัพย์สินส่วนตัว: ห้องชุดของแต่ละบุคคล รวมถึงพาร์ติชั่นภายในที่ไม่เป็นโครงสร้างหลัก เช่น ผนังเบา ฯลฯ

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (ปัญหาทั่วไป แนวทางเจรจา และกรณีพิพาท)

ถ้ามีเสียงดังจากแอร์ของเพื่อนบ้านจนรบกวน อยากจัดการยังไงดี?

ตอบ: ควรแจ้งผู้จัดการนิติบุคคลไปยังเจ้าของหน่วยที่ก่อเสียงก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหน้าที่นิติบุคคลคือรักษาความสงบและความเรียบร้อยของโครงการ ถ้าแจ้งแล้วแต่ยังไม่มีการแก้ไข เจ้าของร่วมสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือขอให้ศาลสั่งให้หยุดการกระทำที่สร้างความรำคาญได้

นิติบุคคลเรียกเก็บเงินพิเศษโดยไม่ผ่านประชุม ใหญ่ ถือว่าผิดไหม?

ตอบ: ถือว่าผิด เพราะการเก็บเงินใด ๆ ต้องนำขึ้น พิจารณาและผ่านมติที่ประชุมใหญ่เท่านั้น หากนิติฯ เรียกเก็บโดยไม่มีมติเช่นนั้น จะขาดความชอบธรรมตามกฎหมาย หรือละเมิดต่อเจ้าของร่วมได้

หากมีปัญหาท่อประปาขัดข้องตรงส่วนกลาง ควรดำเนินการอย่างไร?

ตอบ: นิติบุคคลมีหน้าที่ดูแลและซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนกลางหากเกิดความเสียหาย เจ้าของร่วมควรแจ้งให้ผู้จัดการดำเนินการซ่อมโดยเร็ว และหากถูกเพิกเฉย อาจขอให้ที่ประชุมใหญ่วางงบซ่อมเพิ่มเติม หรือใช้มาตราใน พ.ร.บ. อาคารชุด เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไข

นิติฯ ดึงบัตรผ่านเข้า–ออก หรือปิดบริการส่วนกลาง เพื่อบังคับให้จ่ายค่าส่วนกลางได้ไหม?

ตอบ: ไม่ได้ครับ ศาลสูงสุดไทยวางหลักว่าการกระทำเช่นนี้ถือเป็นละเมิดต่อสิทธิของเจ้าของร่วม เนื่องจากใช้อำนาจโดยไม่ชอบ แม้จะค้างค่าส่วนกลางก็ต้องใช้การฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องค่าใช้จ่ายเท่านั้น

ถ้าพบว่าคณะกรรมการหรือนิติฯ ไม่โปร่งใส เจ้าของร่วมทำอย่างไรดี?

ตอบ: อาจรวบรวมเจ้าของร่วมขั้นต่ำ 20% เพื่อเรียกจัดประชุมใหญ่เพื่ออภิปรายเรื่องความไม่โปร่งใส หากยังไม่ได้ผล ให้ใช้สิทธิฟ้องร้องทางแพ่งตาม พ.ร.บ. อาคารชุด หรือฟ้องเพื่อให้ศาลมีคำสั่งจัดกรรมการใหม่หรือให้เปิดเผยข้อมูลได้

ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ควรตรวจสอบอะไรกับนิติบุคคลบ้าง?

ตอบ: ควรขอคำชี้แจงจากนิติฯ เรื่อง “งบการเงินย้อนหลัง”, “ค่าใช้จ่าย CAM และกองทุนสำรอง”, “รายงานการประชุมใหญ่ล่าสุด”, “สถานะหนี้ค้างชำระของเจ้าของร่วม” และ “ข้อมูลผู้จัดการ” เพื่อประเมินความสามารถในการบริหารงาน ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของนิติบุคคลนั้น ๆ

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (Q&A สำหรับที่ปรึกษากฎหมายนิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน)

ที่ปรึกษากฎหมาย (Legal Counsel) นิติบุคคลอาคารชุดหรือหมู่บ้านควรทำอะไรบ้าง?

ตอบ: ที่ปรึกษากฎหมายมีความรับผิดชอบในด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจร่างข้อบังคับภายใน การให้คำแนะนำเรื่องการจัดประชุมใหญ่ให้สอดคล้องกับกฎหมาย การแก้ไขข้อบังคับ รวมถึงดูแลงบการเงิน สัญญาจ้างผู้จัดการ หรือดำเนินคดีทางแพ่งเมื่อมีข้อพิพาท — เพื่อให้การบริหารของนิติบุคคลเป็นไปอย่างถูกต้องและป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมาย

ถ้านิติบุคคลล้มเหลวในการจัดทำงบการเงินหรือรายงานประจำปี ต้องรับผิดอะไรบ้าง?

ตอบ: นิติบุคคลอาจถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามกฎหมาย หากไม่จัดทำงบการเงิน เสนอ AGM หรือเก็บรักษางบไว้นานขั้นต่ำ 10 ปีตามที่กำหนดในมาตรา 38/1–38/3

ในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ต้องคำนึงถึงหลักกฎหมายใดสำคัญที่สุด?

ตอบ: ต้องอ้างอิง พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไข (เช่น มาตรา 35–36 ที่กำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้จัดการนิติฯ) รวมถึงมาตรา 38/1–38/3 ที่กำหนดการจัดทำบัญชี งบการเงิน และรายงานประจำปีให้ถูกต้องและครบถ้วน

เมื่อไหร่ที่ต้องมีการจ้างคณะที่ปรึกษานิติฯ แยกจากกรรมการหรือผู้จัดการ?

ตอบ: ควรใช้ที่ปรึกษากฎหมายภายนอก เมื่อประเด็นเริ่มซับซ้อน เช่น การฟ้องร้อง, การฟ้องคดีละเมิด, หรือปัญหาข้อตกลงที่อาจสร้างภาระทางกฎหมาย — เพื่อลดผลประโยชน์ทับซ้อนและได้คำแนะนำตามหลักกฎหมายที่เป็นกลาง

การแก้ไขข้อบังคับ (Bylaws) ควรทำอย่างไรให้ชอบด้วยกฎหมาย?

ตอบ: ต้องผ่านมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมตามกฎหมาย จากนั้นต้องไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกับเจ้าหน้าที่ที่ดินภายใน 30 วันหลังมตินั้น

ที่ปรึกษาสามารถช่วยแก้ข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินส่วนกลางอย่างไรบ้าง?

ตอบ: ที่ปรึกษาช่วยตรวจตราแผนการซ่อมบำรุง หรือถ้ามีข้อพิพาท เช่น เสียงรบกวน ท่อประปารั่ว หรือที่จอดรถ ให้คำแนะนำทั้งเรื่องการเจรจา และหากจำเป็น ช่วยดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายหรือคำสั่งศาลตามสิทธิของเจ้าของร่วม

นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้าน (บริการบริหารจัดการหนี้ค่าส่วนกลางผ่านเครือข่ายทนายความ)

เครือข่ายทนายความสามารถช่วยนิติฯ จัดการหนี้ค้างชำระได้อย่างไร?

ตอบ: โดยเครือข่ายทนายจะรับงานจากนิติฯ มาบริหารจัดการการทวงถามและดำเนินคดี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เลย นิติฯ ไม่ต้องสำรองเงิน ค่าดำเนินการหรือค่าทนาย แต่จะหักค่าบริการเมื่อสามารถเก็บเงินคืนจากลูกบ้านได้จริงเท่านั้น

บริการนี้มีค่าใช้จ่ายแฝงหรือไม่?

ตอบ: ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงใด ๆ ทั้งสิ้นระหว่างการดำเนินงาน โดยค่าทนายความ และค่าดำเนินการต่าง ๆ จะเรียกเก็บ ภายหลังจากเรียกเก็บหนี้สำเร็จแล้วเท่านั้น ตามอัตราที่ตกลงกันกับนิติบุคคล

ขั้นตอนการติดตามหนี้ทำอย่างไร?

ตอบ: เริ่มจากการออก “หนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้” ตามขั้นตอนกฎหมาย จากนั้นอาจมีการเจรจาไกล่เกลี่ย หากลูกบ้านไม่ชำระ จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องคดีในศาลแพ่ง และใช้สิทธิทางกฎหมายในการเรียกคืนหนี้

นิติฯ ต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนส่งเรื่องให้ทนายความดำเนินการ?

ตอบ: ต้องเตรียมเอกสารประกอบ เช่น รายการค้างชำระของลูกบ้าน, หนังสือทวงถามที่เคยออกไป, ข้อมูลบัญชีและสัญญาร่วมกับลูกบ้าน และมอบอำนาจให้ทางทนายความดำเนินการในนามของนิติบุคคลได้

กรณีลูกบ้านยังเพิกเฉยหลังฟ้องคดี ทนายดำเนินการต่ออย่างไร?

ตอบ: ทีมทนายจะยื่นขอ “คำบังคับคดี” เพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น เงินเดือน บัญชีธนาคาร หรือทรัพย์สินอื่น ๆ โดยจะเดินเรื่องจนกว่าจะสามารถเรียกเก็บค่าส่วนกลางที่ค้างชำระคืนให้นิติบุคคลได้สำเร็จ

ข้อดีของการใช้บริการนี้คืออะไร?

ตอบ:
– ไม่ต้องสำรองงบประมาณ
– ดำเนินคดีโดยมืออาชีพ
– ช่วยลดภาระงานของผู้จัดการนิติฯ
– เพิ่มอำนาจต่อรองกับลูกบ้าน
– เร่งรัดการนำเงินกลับมาหมุนเวียนใช้ในส่วนกลาง
ทั้งหมดนี้คือแนวทางเชิงรุกในการสร้างวินัยการชำระเงินของลูกบ้าน และรักษาสภาพคล่องของนิติบุคคล

เครือข่ายทนายความที่เน้นเทคโนโลยีในการบริหารจัดการกฎหมายและหนี้ค่าส่วนกลาง

1. ระบบจัดเก็บข้อมูล (NAS – Network Attached Storage)

แนวทางที่เครือข่ายทนายความใช้
ใช้ระบบ NAS แยกเฉพาะโฟลเดอร์ของแต่ละลูกความ เชื่อมต่อกับทีมทนายความได้ตลอด 24 ชม.
ประโยชน์ต่อ นิติบุคคล/ลูกบ้าน
ปลอดภัย โปร่งใส ค้นหาเอกสารย้อนหลังได้ง่าย ลูกความตรวจสอบสถานะได้แบบ Real-time

2. ระบบยื่นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing)
แนวทางที่เครือข่ายทนายความใช้
ใช้ระบบยื่นคำฟ้อง หนังสือบอกกล่าว และหลักฐานเข้าสู่ระบบศาลออนไลน์

ประโยชน์ต่อ นิติบุคคล/ลูกบ้าน
ลดเวลาเดินเอกสาร เร่งกระบวนการพิจารณาคดี ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งและจัดเก็บ
3. ระบบประชุมออนไลน์ (Online Meeting)

แนวทางที่เครือข่ายทนายความใช้
นัดประชุมปรึกษาระหว่างนิติฯ และทีมทนายผ่าน Zoom / Google Meet แบบปลอดภัย

ประโยชน์ต่อ นิติบุคคล/ลูกบ้าน
ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง สื่อสารได้ชัดเจนและรวดเร็ว

4. ช่องทางสื่อสารผ่าน Social Media / Line Official

แนวทางที่เครือข่ายทนายความใช้
เปิดไลน์กลุ่มเฉพาะนิติบุคคล พร้อมติดตามสถานะคดี แจ้งเตือนทุกขั้นตอนผ่านแชต

ประโยชน์ต่อ นิติบุคคล/ลูกบ้าน
ติดตามคดีแบบเข้าใจง่าย พร้อมภาพรวมสถานะหนี้ในโครงการ สื่อสารแบบไม่เป็นทางการแต่มีประสิทธิภาพ

คดีมรดก

มรดกคืออะไร?

✅ คำตอบ
มรดกหมายถึงทรัพย์สิน สิทธิ และหนี้สินที่ผู้ตายมีอยู่และสามารถโอนให้ทายาทได้ เช่น บ้าน ที่ดิน เงินฝาก รถยนต์ รวมถึงสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ โดยมรดกจะตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมายหรือผู้รับพินัยกรรม (ป.พ.พ. ม.1599)

ทายาทมีหน้าที่และสิทธิอะไร?

✅ คำตอบ
ทายาทมีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมหรือกฎหมาย และมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของผู้จัดการมรดก หากพบความไม่โปร่งใสสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ตรวจสอบหรือเปลี่ยนผู้จัดการมรดกได้

ใครเป็นผู้จัดการมรดก?

✅ คำตอบ
ผู้จัดการมรดกอาจเป็นบุคคลที่ผู้ตายกำหนดไว้ในพินัยกรรม หรือบุคคลที่ศาลแต่งตั้งขึ้นเพื่อจัดการมรดกแทน มีหน้าที่รวบรวมทรัพย์สิน ชำระหนี้สิน และแบ่งทรัพย์สินที่เหลือให้ทายาท

ถ้ามีพินัยกรรมกับทายาทโดยธรรมขัดกัน ใครมีสิทธิก่อน?

✅ คำตอบ
โดยหลักแล้ว พินัยกรรมมีผลบังคับก่อน ทายาทโดยธรรม แต่ถ้าพินัยกรรมไม่ครอบคลุมทรัพย์สินทั้งหมด หรือพินัยกรรมเป็นโมฆะ ทายาทโดยธรรมจึงมีสิทธิในส่วนที่เหลือ

ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่อะไรบ้าง?

✅ คำตอบ

1. รวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตาย

2. ชำระหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการตาย

3. แจกจ่ายทรัพย์สินที่เหลือให้แก่ทายาทหรือผู้รับพินัยกรรม

4. ทำบัญชีแสดงการจัดการมรดกต่อศาลและทายาท

ถ้าผู้ตายมีหนี้ ทายาทต้องรับผิดหรือไม่?

✅ คำตอบ
ทายาท รับผิดในหนี้ของผู้ตายไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตนได้รับ ทายาทไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมาชำระหนี้แทนผู้ตาย

คำถามที่ปรึกษาทนายบ่อยเกี่ยวกับกฎหมายครอบครัว

Q: ถ้าต้องการฟ้องหย่าคู่สมรส ต้องทำอย่างไร?

A: การฟ้องหย่าต้องยื่นคำฟ้องต่อศาล โดยมีเหตุหย่าตามกฎหมาย เช่น คู่สมรสประพฤติชั่วร้ายแรง ทอดทิ้งไม่อุปการะ หรืออยู่แยกกันเกิน 3 ปี ศาลจะพิจารณาหลักฐานและตัดสิน หากหย่าโดยความยินยอมต้องทำหนังสือสัญญาหย่าและจดทะเบียนที่อำเภอ

Q: สามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรหลังหย่าได้หรือไม่?

A: ได้ ผู้ปกครองที่มีสิทธิอุปการะเลี้ยงดูบุตรสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้คู่สมรสอีกฝ่ายจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูตามฐานะและความจำเป็นของบุตร

Q: ถ้าคู่สมรสไม่ยอมจดทะเบียนสมรส จะมีสิทธิทางกฎหมายหรือไม่?

A: หากไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะไม่มีสิทธิในฐานะสามีภรรยาตามกฎหมาย เช่น สิทธิในการแบ่งสินสมรสหรือมรดก แต่ยังสามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรหรือสิทธิในทรัพย์สินที่พิสูจน์ได้ว่าได้ร่วมกันสร้างขึ้น

Q: การฟ้องชู้หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับคู่สมรสทำได้หรือไม่?

A: สามารถฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ หากพิสูจน์ได้ว่ามีการละเมิดสิทธิในคู่สมรส เช่น มีความสัมพันธ์ทางเพศหรืออยู่กินกันฉันสามีภรรยา โดยต้องยื่นฟ้องต่อศาลพร้อมพยานหลักฐาน

Q: พินัยกรรมเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินให้บุตรต้องทำอย่างไร?

A: พินัยกรรมสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น พินัยกรรมทำเป็นหนังสือหรือทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่อำเภอ เพื่อให้ชัดเจนและมีผลบังคับตามกฎหมาย ต้องลงลายมือชื่อและมีพยานอย่างน้อย 2 คน

ติดต่อเรา

มีคำถามหรือข้อสงสัย?
ติดต่อเราเพื่อขอความช่วยเหลือในประเด็นที่คุณสงสัย และรับคำตอบที่คุณต้องการอย่างชัดเจนและตรงจุด

ศูนย์เครือข่ายทนายความ

02 114 7521

LINE ID.

@Lawyerintown

สมัครรับข้อมูลคำถามที่พบบ่อย (FAQs)

รับคำตอบสำหรับคำถามของคุณอย่างรวดเร็ว